วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(หลวงปู่จาม มหาปุญโญ)
วัดป่าวิเวกวัฒนาราม หรือ วัดหลวงปู่จาม ตั้งอยู่บ้านห้วยทราย ตำบลคำชะอี ริมทางหลวงหมายเลข 2042 (มุกดาหาร-กาฬสินธุ์) หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เป็นหนึ่งในอาจาริยาจารย์ที่ถือเคร่งในพระธรรมวินัยมั่นคงในพระปรมัตถ์วิปัสสนากรรมฐาน ดำเนินชีวิตในมรรคธรรม ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2556 รวมอายุ 104 ปี ภายในวัดมีส่วนจัดแสดงอัตถประวัติและหลักธรรมคำสอนของท่าน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น นอกจากนั้นลักษณะเด่นของวัดอีกอย่างหนึ่ง คือ เจดีย์บู่ทองกิตติ เป็นเจดีย์ลักษณะห้ายอด ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 13 เมตร ยาว 13 เมตร ความสูงจากพื้น ถึงยอดเจดีย์ 45 เมตร เป็นศิลปะประยุกต์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก เช่น พระสีวลี พระอุปคุต พระองคุลีมาล เป็นต้น ในวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีพิธีสรงน้ำอย่างยิ่งใหญ่ การเดินทาง จากตัวอำเภอคำชะอี ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (คำชะอี-สมเด็จ) เลยโรงเรียนวัดหลวงปู่จามฯ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือราว 1 กิโลเมตร จะพบทางเข้าวัดป่าวิเวกวัฒนารามอยู่ริมถนนทางขวามือ รวมระยะทางจากตัวอำเภอคำชะอี ประมาณ 7 กิโลเมตร วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตั้งอยู่บ้านห้วยทราย หมู่ที่ 9 ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.2478 เดิมชื่อว่าวัดหนองหน่องตั้งอยู่บริเวณด้านทิศใต้ของหมู่บ้านห้วยทราย โดยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์และมีพระปฏิบัติธรรม เช่น หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นต้น มาปฏิบัติธรรม ต่อมา พ.ศ. 2493 มีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ย้ายสำนักสงฆ์เดิมมาตั้งด้านทิศตะวันตกเพราะบริเวณเดิมเป็นที่ลุ่มมีน้ำขังตลอด และได้ตั้งชื่อวัดใหม่นี้ว่า วัดป่าวิเวกวัฒนาราม เพราะบริเวณวัดมีสภาพเหมาะสมกับการปฏิบัติสมณธรรม ต่อมาได้มีพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระปฏิบัติวิปัสสนาได้จำพรรษาตลอดมา

วัดบรรพตคีรี หรือ วัดภูจ้อก้อ ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2475 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2528[1] เริ่มแรกพระอาจารย์ขาวได้ธุดงค์มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ถ้ำภูก้อจ้อแห่งนี้ แล้วชักชวนให้ชาวบ้านแวงพากันสร้างพระพุทธรูปปูนขาวไว้หน้าถ้ำ จากนั้นก็มีพระกรรมฐานเวียนมาจำพรรษาหลายรูป จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2500 ชาวบ้านแวงได้นิมนต์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่ภูเก้า พร้อมด้วยพระตาล ชาวบ้านแวงที่เป็นพระบวชใหม่ ให้มาพำนักที่ถ้ำภูก้อจ้อแห่งนี้ ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างกุฏิขึ้นบนที่ราบหลังถ้ำ หลวงปู่หล้าได้พัฒนาวัดเรื่อยมาตามลำดับ

แต่เดิมเคยเป็นที่พำนักของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ภายหลังหลวงปู่หล้า ละสังขาร ได้มีการจัดสร้าง เขมปัตตเจดีย์ บรรจุอัฐิ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2542 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ สูงกว่า 22 เมตร ที่ประดับด้วยกระเบื้องจากประเทศอิตาลี[2] ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติ ผลงาน และเครื่องอัฐบริขารส่วนตัว ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งจำลองของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล นั้นได้เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2528 มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ โดยมีพระเทพวิสุทธิมงคล หรือหลวงปู่ศรีมหาวีโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมในด้านการบำเพ็ญปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐานแก่พระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชน โดยการปฏิบัติจริงบนสถานที่จริงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด โดยวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนารามเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ชัยมงคล พระมหาเจดีย์ใหญ่ที่มีความงดงามตระการตามากที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่เคารพศรัทธา และความภาคภูมิใจของชาวร้อยเอ็ดและชาวอีสานอีกด้วย พระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นพระธาตุเจดีย์ที่ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน และมีทั้งหมด 6 ชั้นออกแบบโดยกรมศิลปากร ลักกษณะเป็นศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลาง และภาคอีสาน พระเจดีย์เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ มีความกว้าง 101 เมตร ความยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ และยอดทองคำใช้ทองคำมี่มีน้ำหนักถึง 60 กิโลกรัม ถือเป็นศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่ง ที่สะท้อนถึงพลังแห่งศรัทธาที่แรงกล้าของประชาชนในภาคอีสาน นอกจากนี้ พระมหาเจดีย์ชัยมงคลจะยังเป็นสถานที่ในการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ มีพิพิธภัณฑ์วิปัสสนากรรมฐานของหลวงปู่ศรี และเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระเกจิอาจารย์ในอดีตทั้ง 101 องค์ รวมทั้งพระสารีริกธาตุ ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด ให้ประชาชนทุกสารทิศได้มาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่สนใจมาเยือนวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม แห่งนี้ สามารถเดินทางมา โดยไปตามเส้นทางสายร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก โดยมีระยะทางประมาณ 62 กิโลเมตจากตัวเมืองร้อยเอ็ด ตามทางหลวงหมายเลข 2044 และ 2136 และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถึงอำเภอหนองพอก ต่อไปยังบ้านท่าสะอาด ตำบลผาน้ำย้อย และขึ้นเขาเขียวไปอีก 5 กม. ก็จะถึงวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ทางวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมสักการะได้ ในระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.ของทุกวัน รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมแต่อย่างใด